สงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครน ส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง?

รัสเซียถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 12 ของโลก คิดเป็นสัดส่วนราว 1.75% ของเศรษฐกิจโลก สินค้าส่งออกสำคัญของรัสเซียได้แก่

  • ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ มันสำปะหลัง ข้าวโพด และยางแผ่นดิบ
  • ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก
  • ส่งออกไททาเนียมซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องบินมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
  • ส่งออกนิกเกิลซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราว 7% ของอุปทานโลก
  • ส่งออกพัลลาเดียมซึ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ราว 25-30% ของอุปทานโลก
  • ผู้ส่งออกทองแดง อลูมิเนียม
  • ส่งออกผลิตภัณฑ์ไม้รายใหญ่ของโลก
    และด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจหากสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย ยูเครน จะมีผลกระทบเป็นวงกว้างหลายด้าน เรามาดูกันว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนส่งผลกระทบต่ออะไรบ้าง
  1. เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวลงโดยเฉพาะเศรษฐกิจยูเครนและรัสเซีย โดยเศรษฐกิจรัสเซียและยูเครนอาจหดตัวถึง 35% – 40% และแม้สงครามจะจบลง ความเสียหายทั้งทางด้านชีวิต ด้านพลังงาน และด้านทรัพย์สินส่งผลต่อเศรษฐกิจอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นกลับมา ปัจจุบันรัสเซียถูกคว่ำบาตรจากนานาประเทศและสูญเสียการเข้าถึงระบบ Swift ถูกระงับทรัพย์สินของธนาคารกลาง รวมถึงการระงับการซื้อขายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของรัสเซียในบางประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างรุนแรงและยังส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันแพงขึ้น นอกจากนั้น การถอนตัวของบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ส่งผลต่อหลายอุตสาหกรรม เช่น การบิน การเงิน ซอฟต์แวร์ เป็นต้น ทำให้มีการประเมินว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวแรงในปี 2022 ที่ 8.5% และหดตัวต่อเนื่องในปี 2023 ที่ 2.3%
  2. การส่งออกชะลอตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง โดยเศรษฐกิจยุโรปจะรับผลกระทบหนักกว่าภูมิภาคอื่น เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจรัสเซียมา
  3. ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นเนื่องจากทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะสงครามและความผันผวนของตลาดที่ไม่แน่นอน ซึ่งในปัจจุปันสงครามค่อนข้างรุนแรงและไม่มีท่าทีจะเบาลง
  4. อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาดไว้เนื่องจากสงครามทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นมากในปี 2022 และราคาอาหารจะเพิ่มขึ้นตามมาในปี 2023
  5. น้ำมันแพงขึ้น เนื่องจากการยกระดับมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้การกระทำของรัสเซีย ส่งผลให้ราคาพลังงาน สินค้า โภคภัณฑ์ และสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากและมาตรการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาน้ำมัน

รู้หรือไม่ การลงทุนในช่วงที่สงครามกำลังเริ่มต้น และถือต่อไปอีก 10 ปีหลังสงครามจบ จะสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูง นั่นเป็นเพราะว่าต้นทุนการลงทุน ในช่วงเริ่มต้นสงครามยังไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนในช่วงสงครามสิ้นสุด จึงทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงกว่านั่นเอง

Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

SEC ไม่รอช้า! ยื่นฟ้อง Coinbase ต่อทันทีหลังยื่นฟ้อง Binance แต่ราคา Bitcoin กลับพุ่งสวนทางขึ้น

การออกมาเคลื่อนไหวของ SEC ครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนหลายคนคิดว่าราคา Bitcoin คงจะยังไม่ได้กลับตัวเป็นขาขึ้นได้โดยง่าย แต่ในทางกลับกัน ราคา Bitcoin กลับพุ่งสวนทางความคาดหมายของนักลงทุนหลายๆคน

อ่านเพิ่มเติม

ประธาน SEC ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่า Ethereum เป็น “หลักทรัพย์” หรือ “สินค้าโภคภัณฑ์”

Gary Gensler ประธาน SEC ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเมื่อถูกถามว่า Ethereum Token ของ Ethereum blockchain เป็นหลักทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ ในการพิจารณาคดีของรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

อ่านเพิ่มเติม