Modern Portfolio Theory(MPT) ถูกคิดค้นโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อว่า Harry Markowizt ในปี 1952 และต่อมาเขาก็ได้รับรางวัลโนเบลด้วยผลงานวิจัยชิ้นนี้

MPT เป็นงานวิจัยที่นำเสนอวิธีการสร้างผลตอบแทนให้สูงที่สุดในขณะเดียวกันก็พยายามลดความเสี่ยงในการลงทุนให้มากที่สุด โดยใช้วิธีการจัดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน ด้วยสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกัน

ตัวอย่าง การจัดพอร์ตในสินทรัพย์หุ้น 2 ตัว
-หุ้น A มีโอกาสทำกำไรได้ 15% ต่อปี และมีความเสี่ยง 12% ต่อปี
-หุ้น B มีโอกาสทำกำไรได้ 20% ต่อปี และมีความเสี่ยง 15% ต่อปี
-หุ้นทั้งสองมีค่า Correation กันที่ +0.25

จากการทดลองจัดพอร์ตลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้จะได้ผลดังนี้
-A:B = 0: 100 จะมีโอกาสทำกำไรได้ 20% และความเสี่ยง 15%
-A:B = 20: 80 จะมีโอกาสทำกำไรได้ 19% และความเสี่ยง 12.81%
-A:B = 50: 50 จะมีโอกาสทำกำไรได้ 17.5% และความเสี่ยง 10.71%
-A:B = 80: 20 จะมีโอกาสทำกำไรได้ 16% และความเสี่ยง 10.75%
-A:B = 100: 0 จะมีโอกาสทำกำไรได้ 15% และความเสี่ยง 12%

การนำ MPT มาใช้ทำให้ผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนสามารถคาดการณ์ผลตอบแทนและความเสี่ยงในการลงทุนได้ล่วงหน้า ทำให้สามารถจัดการพอร์ตการลงทุให้เหมาะสม โดยสามารถเลือกจุดที่เป็น Efficient Frontier ซึ่งเป็นจุดที่ให้อัตราส่วนผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เหมาะสมที่สุด โดยในอดีตเราใช้ Monte Carlo Simulation เพื่อจำลองความเป็นไปได้ของการจัดพอร์ตการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ (ซึ่งแน่นอนมากกว่า 2 สินทรัพย์) แต่ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี AI และ ML มาใช้มากขึ้น เราจึงมักเห็นหลาย ๆ กองทุนมีการโฆษณาว่ามีการนำ AI มาใช้ในการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่บนพื้นฐานของ MPT นั่นเอง

มาถึงตรงนี้แล้วทุกท่านคงได้เห็นแล้วว่า MPT นั้นเปลี่ยนโลกการลงทุนและทำไมทฤษฏีนี้ถึงได้รับรางวัลโนเบล

น้ำมัน บทความยอดนิยม ประวัติเทรดเดอร์ พื้นฐาน technical analysis เทรดเดอร์มือใหม่ ์Indicator

*บทความนี้ไม่มีและไม่ควรถูกตีความว่า มีการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำเสนอสำหรับการทำธุรกรรมใดๆ ในเครื่องมือทางการเงินต่างๆ โปรดทราบว่าการวิเคราะห์การซื้อขายดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต เนื่องจากสภาวการณ์อาจมีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน