logo

วิเคราะห์ทองคำประจำวันที่ 17/07/2023

  • ราคาทองปิดบวกสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าในรอบ 1 ปี บวกกับเงินเฟ้อชะลอตัวหนุนคาดการณ์เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยการประชุมครั้งต่อไป และยังส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หนุนราคาทองคำ
  • นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่ากาเฟด กล่าวว่า สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค.นี้ โดยมองว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งมาก และโดยรวมแล้วเศรษฐกิจก็ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้เฟดมีโอกาสที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป
  • ข่าวเศรษฐกิจยุโรปที่นักลงทุนควรเฝ้าระวังในวันนี้ได้แก่ EBC President Lagards เวลา 15.15 น.
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่นักลงทุนควรเฝ้าระวังในวันนี้ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต รัฐนิวยอร์ก เดือนก.ค.เวลา 19.30 น. ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวออกมามากกว่าคาดจะส่งผลบวก (+) ต่อราคาทองคำ
  • ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.21% อยู่ที่ระดับ99.96 และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น  0.05% มาอยู่ที่ระดับ 3.815% เมื่อคืนนี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
  • ดอลลาร์แข็งค่ากดดันทอง
  • บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันทอง
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
  • ความเห็นเจ้าหน้าที่เฟด
มุมมองทองคำทาง Technical

ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบ High บริเวณ 1964 หลังจากนั้นย่อตัวลงมาเนื่องจากดอลลาร์และบอนยีลด์ฟื้นตัวเล็กน้อย โดยขณะนี้ราคาเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 1945 – 1980 แนวโน้มราคาทองคำเป็น Up Trend ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าเฟดใกล้ยุติการปรับอัตราดอกเบี้ยส่งผลหนุนทองมีโอกาสกลับทดสอบระดับ 2000 แนวรับ/แนวต้านที่สำคัญถัดไป อยู่ที่ระดับ 1940 และ 1985 อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรซื้อขายอย่างระมัดระวังและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนระหว่างวัน

Technical View

แนวรับที่ 1 1945 แนวต้านที่ 1 1980
แนวรับที่ 2 1935 แนวต้านที่ 2 1990

หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน ผู้ลงทุนไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจออกคำสั่งซื้อขาย และควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

วิเคราะห์ทองคำประจำวันที่ 26/12/2023

IMF เปิดเผยข้อมูลสัดส่วนทุนสำรองอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอย่างเป็นทางการ ระบุว่า ดอลลาร์มีสัดส่วน 59.2% ในกองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั่วโลกในไตรมาส 3/2566 ลดลงจาก 59.4% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2565

อ่านเพิ่มเติม