- เมื่อวันก่อนราคาทองปิดบวก 17.01 ดอลลาร์ รับแรงช้อนซื้อ กลิ่นสงครามระอุ
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนพ.ค. จาก CB คาดการณ์ว่าออกมาน้อยกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลดีราคาทองคำ
- กองทุนทองคํา SPDR ล่าสุดขายออก 1.15 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 832.21 ตัน
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่วง Sideway Up
- ราคาทองคำ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร หลังจากที่ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
- นักวิเคราะห์จาก UBS ปรับเพิ่มประมาณการราคาทองคำเป็น $2,600 ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปี 2024 ส่วนทางด้าน นักวิเคราะห์จาก Citigroup คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะแตะ $3,000 ต่อออนซ์ ภายใน 6 ถึง 18 เดือนข้างหน้า
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์และนักลงทุนเก็งกำไรรายใหญ่กำลังเพิ่มสถานะการเก็งกำไร “ทองคำขาขึ้น” กันมากที่สุดในรอบ 4 ปี โดยการเก็งกำไรสถานะ Long หรือเดิมพันว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต กำลังเพิ่มสูงขึ้นรับราคาทองคำที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 2,448 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กำลังเพิ่มขึ้น
- ราคาทองคำเมื่อวันก่อนหน้าเปิดที่ 2336 ดอลลาร์ โดยที่ราคาทองลงไประดับต่ำสุดที่ราคา 2331 ดอลลาร์ ก่อนราคาจะพุ่งขึ้นมาปิดที่ราคา 2352 ดอลลาร์
มุมมองทองคำทาง Technical
เมื่อวานนี้ราคาทองคำปิดบวก 17.01 ดอลลาร์ ราคาทองคำรับแรงช้อนซื้อ หลังมีกลิ่นสงครามระอุ (+) หากราคาทองคำขึ้นไปทดสอบที่แนวต้านที่ระดับ 2,345 – 2,360 ดอลลาร์ แล้วไม่สามารถผ่านไปได้ แนะนำนักเทรดสามารถพิจารณาเปิด Sell ที่ระดับดังกล่าวและตัดขาดทุนที่ระดับ 2,360 ดอลลาร์ โดยแบ่งทำกำไร หากราคาร่วงลงแนวรับที่ระดับ 2,319 – 2,300 ดอลลาร์ตามการพิจารณาของนักลงทุน (-) ขณะที่ภาพรวมทองคำตอนนี้มองไปทิศทาง Sideways Down โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคําจะวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับที่ 2,300 ดอลลาร์ และ 2,285 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 2,360 ดอลลาร์ และ 2,375 ดอลลาร์
Technical View
แนวรับที่ 1 2300 แนวต้านที่ 1 2360
แนวรับที่ 2 2285 แนวต้านที่ 2 2375
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน ผู้ลงทุนไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจออกคำสั่งซื้อขาย และควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
