logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 19 มกราคม 2567

  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 55% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักกว่า 60% ในช่วงก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีก นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันดังกล่าว หลังจากที่ให้น้ำหนัก 34.9% ก่อนหน้านี้
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 187,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 208,000 ราย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพลิกพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% เมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดโตเกียววันนี้ (19 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนปรับลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดและเป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 2.5% ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี CPI พื้นฐานเดือนธ.ค.ถือเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีหรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565
  • นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 35.53 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.57 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค โดยเงินบาททยอยแข็งค่าตามดอลลาร์ที่ย่อลง ประกอบกับเมื่อคืนทองคำรีบาวด์ขึ้นมา ส่วนปัจจัยในประเทศต้องรอดูทิศทางทองคำ
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2566 ของจีน ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ราว 5% หลังจากจีนยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 3% ในปี 2565
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค.
  • การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ให้ความสนใจ ขณะที่เธอกำลังพิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
  • นางกีตา โกปินาธ รองกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมานั้น มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐแล้วประมาณ 75%
  • การที่กบฏฮูตีในเยเมนโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงแบบต่อเนื่องไม่เพียงทำให้อัตราค่าระวางเรือพุ่งสูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะทำให้อัตราค่าระวางการขนส่งทางอากาศปรับตัวขึ้นด้วย เนื่องจากการไหลเวียนของการค้าทั่วโลกเผชิญกับภาวะติดขัดเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เลื่อนกำหนดเวลาการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อเสนอของ Fidelity สำหรับกองทุน Spot Ethereum ETF ออกไปเป็นวันที่ 5 มีนาคม เพื่อรอดูความพร้อมของตลาดคริปโต
  • ราคา Bitcoin ร่วงทะลุ 41,000 ดอลลาร์  อย่างรุนแรง หลัง JP Morgan หวั่นแรงขายกองทุน GBTC กดดันต่อ
  • มีรายงานจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชนอย่าง IntoTheBlock เผยว่า พบเจ้ามือ Cardano (ADA) รายหนึ่ง ได้เคลื่อนย้ายเหรียญมูลค่ามากถึง 13 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 7 วันของธุรกรรมบน Ethereum ที่มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์
  • อ้างอิงจากแถลงการณ์ของ Binance มีจำนวนเหรียญ BNB ถูกเผาไปจำนวนทั้งสิ้น 2.14 ล้านเหรียญ ตามแผนการ Pioneer Burn Program  ซึ่งมูลค่าของเหรียญที่ถูกเผาไปนั้นมีมูลค่าราว 2.2 หมื่นล้านบาท
  • สรรพากรสหรัฐฯ ยอมถอย ปรับแก้กฎหมายไม่ต้องรายงานเงินได้จากคริปโตที่มีมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น -18.06 เหรียญ หรือ 1.08% อยู่ที่ระดับ 2,022.53 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 2,021.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 13.80 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 22.807 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 22.40 ดอลลาร์ หรือ 2.52% ปิดที่ 912.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24.30 ดอลลาร์ หรือ 2.64% ปิดที่ 944.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 862.1 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 17.01 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 17.01 ตัน
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (18 ม.ค.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 74.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 79.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 2% หลังจาก IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้สู่ระดับ 1.24 ล้านบาร์เรล/วัน จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.06 ล้านบาร์เรล/วัน
  • ขณะที่กลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะขยายตัว 2.25 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า
  • ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 313,000 บาร์เรล
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม