logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 23 มกราคม 2567

  • สาเหตุหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ร่วงหลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ คาดว่ามาจากหลายปัจจัย และเป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวานที่ Terraform Labs ยื่นล้มละลายในบทที่ 11 ประกอบกับการเทขาย Bitcoin จำนวนมากของ Grayscale GBTC
  • รัฐบาลกาตาร์กำลังพิจารณาโอนเงินประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์จากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) เข้าสู่ Bitcoin
  • Henrik Zeberg เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ตลาดชื่อดังได้ออกมาคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นหนึ่งในขาขึ้นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และถ้าหากว่าการคาดการณ์ของเขาถูกต้อง เราอาจได้เห็นราคาเหรียญพุ่งไปถึง 120,000 ดอลลาร์
  • นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟด สาขาชิคาโกกล่าว เฟดจำเป็นจะต้องได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจอีกเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ ก่อนที่เฟดจะตัดสินใจใด ๆ ในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเขากล่าวเสริมว่า เฟดจำเป็นจะต้องเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% 
  • แมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโกกล่าว ยังคงต้องจับตาดูอย่างมากในด้านภาวะเงินเฟ้อ และขณะนี้ยังคงเป็นเวลาที่เร็วเกินไปที่จะคาดการณ์กันว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้
  • นักลงทุนได้เลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้จากเดือนมี.ค.ออกไปเป็นเดือนพ.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด และเจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
  • ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 55.7% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค.นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 52.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 31 เม.ย.-1 พ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 17.0% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • ธนาคารเจ.พี.มอร์แกนคาดการณ์ในวันศุกร์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเริ่มต้นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แทนที่จะเป็นเดือนก.ย.เหมือนอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 
  • นักเศรษฐศาสตร์ของเจ.พี.มอร์แกนระบุว่า “เราคาดว่าอีซีบีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้ง แต่ไม่ถึง 5 ครั้งในปีนี้ โดยเราคาดว่าอีซีบีจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. และหลังจากนั้นอีซีบีก็จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบติดต่อกันตั้งแต่เดือนก.ย.
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยคาดว่า BOJ ต้องการประเมินความแข็งแกร่งของการปรับขึ้นค่าจ้างและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันปีใหม่ 
  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 38,000 จุดเป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทผลิตชิปที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดียที่ดีดตัวขึ้น 0.3% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
  • นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐระบุว่า การชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป คือสองปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นความคาดหวังในทางบวกต่อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐในปี 2024
  • มูดี้ส์คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4% ในปี 2567 และ 2568 จากระดับเฉลี่ย 6% ในช่วงปี 2557-2566 ซึ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
  • แบล็คร็อค อิงค์ บริษัทบริหารสินทรัพย์จากนิวยอร์ก เตรียมขายอาคารสำนักงานในนครเซี่ยงไฮ้โดยลดราคาลงราว 30% จากราคาซื้อเดิม สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ซบเซาในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน
  • วาณิชธนกิจหลายแห่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2567 จะชะลอตัวลงจากระดับปี 2566 เนื่องจากคาดว่าวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนอย่างต่อเนื่องในปีนี้
  • เมย์แบงก์ อินเวสต์เมนต์ แบงกิง กรุ๊ป ระบุว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้น, ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น, การผลิตที่ปรับตัวขึ้น และการที่บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (TSMC) เพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนส่งสัญญาณว่า ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มจะกระเตื้องขึ้นในปีนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากนักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -7.96 เหรียญ หรือ -0.39% อยู่ที่ระดับ 2,021.66 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 7.10 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 2,022.20 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 41.50 เซนต์ หรือ 1.83% ปิดที่ 22.296 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.44% ปิดที่ 903.00 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 2.02 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 858.93 ตันภาพรวมเดือนมกราคม ขายสุทธิ 20.18 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 20.18 ตัน
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ หลังจากมีรายงานว่ากองทัพยูเครนส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานในตลาดโลก
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่า กองทัพยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีโรงงานน้ำมันของบริษัทโนวาเทก (Novatek) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางบริษัทตัดสินใจระงับการดำเนินงานที่สถานีส่งออกเชื้อเพลิงอุสต์-ลูกา (Ust-Luga) ในทะเลบอลติก
  • นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สภาพอากาศที่หนาวจัดทั่วสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบในรัฐนอร์ทดาโคตาและรัฐอื่น ๆ ของสหรัฐ โดยหน่วยงานกำกับดูแลท่อส่งน้ำมันของรัฐนอร์ทดาโคตาเปิดเผยว่า ทางรัฐได้ปิดสายการผลิตน้ำมันประมาณ 20% เมื่อวานนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นสุดขั้ว
  • รัสเซียเบียดซาอุดีอาระเบียกลายเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของจีนในปี 2566 เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก เดินหน้าซื้อน้ำมันที่รัสเซียลดราคาอย่างต่อเนื่อง แม้รัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรเพื่อลงโทษต่อกรณีที่รุกรานยูเครนก็ตาม
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

วิเคราะห์ทองคำประจำวันที่ 20/11/2023

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2566, ม.ค. 2567 และมี.ค. 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. 2567

อ่านเพิ่มเติม

ราคาทองคำปรับตัวลดลง 20 ดอลลาร์ หลังตลาดเกิดความกังวลเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมอีก 3 ครั้งถัดไป สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าว ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ธ.ค.

อ่านเพิ่มเติม