ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดทองคำคือดัชนีดอลลาร์ โดยเมื่อคืนนี้ดัชนีดอลลาร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.24% สู่ระดับ 103.55 จุด และบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.02% มาอยู่ที่ระดับ 3.741%

                วันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อย โดยขณะนี้ราคาทองคำเคลื่อนตัวในกรอบระหว่าง 1940-1975 ท่ามกลางคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันนักลงทุนต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนอย่างสูง เนื่องจากมีประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินนโยบายที่แตกต่างกัน

               โดยนอกจากนี้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐและจีน ซึ่งฝั่งสหรัฐมีการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือน พ.ค.ในวันอังคารที่ 13 มิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน พ.ค.ในวันพุธที่ 14 มิ.ย. อีกทั้งยังมีการประชุมเฟดในวันที่ 13 – 14 มิ.ย. ส่วนในฝั่งของจีนมีการเปิดเผยยอดค้าปลีก ประจำเดือน พ.ค. และดัชนีภาคการผลิตภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือน พ.ค. ในวันพฤหัสที่ 15 มิ.ย ซึ่งขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในการฟื้นตัวค่อนข้างแย่

               เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 26.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และนักลงทุนให้น้ำหนัก 73.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 5.00-5.25% ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวนักทุนได้ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยส่งผลหนุนราคาทองคำ

               ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาทิศทางความชัดเจนของนโนบายการเงินในการประชุมเฟดในวันที่ 13-14 มิ.ย. โดยมีนักลงทุนบางส่วนคาดว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ แม้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% โดยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ